|
|
|
|
|
|
|
|
|
ประวัติโดยสังเขปของวัดสะเกศราชวรมหาวิหาร
|
|
|
|
|
วัดสะเกศฯ
เป็นวัดโบราณ สร้างแต่เมื่อใดไม่ปรากฎ เดิมชื่อวัดสะแก
มีความสำคัญปรากฎในพงศาวดาร เมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
เสด็จฯไปทำการศึกสงคราม ที่กรุงกัมพูชาทรงทราบว่าเกิด
จลาจลขึ้นในกรุงธนบุรี จึงตัดสินพระทัยเสด็จฯกลับวันเสาร์
เดือน 5 แรม9 ค่ำปีขาลจ.ศ.1144 ( พ.ศ.2325) โดยเวลามงคลฤกษ
์ทรงประกอบพิธี สรงน้ำมรุธาภิเษก ณ วัดสะแก แล้วเสด็จฯโดยกระบวนทางสถลมารคไป
ยัง วัดโพธาราม ( วัดพระเชตุพน ) เสด็จฯลงเรือพระที่นั่งข้ามไป
พระราชวังกรุงธนบุรีเสนาพฤฒามาตย์ทั้งปวงอัญเชิญเสด็จฯ
ผ่านพิภพปราบดาภิเษก ประดิษฐานพระราชวงศ์จักรีดำรงรัฐสีมา
ในสยามประเทศสืบมาเมื่อทรงย้ายราชธานีมายังกรุงรัตนโกสินทร์
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องเกี่ยวกับภูเขาทองที่วัดสะเกศ
ความมีอยู่ว่า เมื่อปีพ.ศ.2440
นายวิลเลี่ยม เปปเป
ชาวอังกฤษ ที่รับราชการอยู่ที่ประเทศอินเดีย ที่เมืองบัสติมณฑลตะวันตก
เฉียงเหนือติดกับชายแดนเมืองเนปาล ได้ขุดลงไปพบในพูนดินที่มีขนาดโต
ที่ชาวบ้านเรียกว่า โกต ซึ่งอยู่ในที่ดินของเขาที่ตำบล
ปิปราห์วะ พบพระสถูปโบราณ และลึกลงไปในพระสถูป พบหีบศิลาหนามาก
ฝาหีบมีรอยแตกแต่ก็ยังปิดสนิทติดกันอยู่ เมื่อเลื่อน
ฝาหีบศิลาออก ได้พบผอบศิลาทำด้วยโซปสโตน (เป็นศิลาอ่อนผิวนวล
ลูบลื่นคล้ายสบู่) และเครื่องประดับมีค่าต่าง ๆ เช่น
บุษราคัม โกเมน อเมธิส ฯลฯ ตามรอบขอบฝาผอบศิลานั้น
มีคำจารึกเป็นอักษรพราหมณ์แบบเมริยะ อายุไม่ต่ำกว่า
300 ปีก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งผู้เชี่ยวชาญต่างๆได้ร่วมกันแปลออกมาว่าที่บรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านี้
เป็นของสากยราชสุกิติกับพระภาตา พระภคนี พระโอรส และพระชายา
สร้างขึ้นอุทิศถวาย " ซึ่งตรงกับในมหาปรินิพพานสูตรที่กล่าวว่า
วงศ์สากยราชแห่งเมือง กบิลพัสดุ์ได้ร้อง ขอส่วนแบ่งพระพุทธสารีริกธาตุหลังจากที่ถวายพระเพลิงแล้ว
และได้สร้างสถูปบรรจุไว้ |
|
|
|
|
|
|
นายวิลเลี่ยม
เปปเป ได้ทำรายงานการขุดครั้งนี้อย่างละเอียด เสนอขึ้นไปตามลำดับ
ได้มีการตรวจสอบ โดยผู้เชี่ยวชาญ และนักปราชญ์ ชาวยุโรปทั้งหลายต่างยอมรับว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่เป็นของดั้งเดิมแน่นอน
เมื่อข่าวเรื่องการขุดพบ พระบรมสารีริกธาตุเผยแพร่ไป
มีผู้แจ้งความจำนงขอรับพระบรมสารีริกธาตุไป สักการบูชาจำนวนมาก
ทางรัฐบาลอินเดีย และข้าหลวงใหญ่ประเทศอังกฤษ( GOVERNOR)
แห่งมณฑลตะวันตกเฉียงเหนือ ได้พิจารณาร่วมกันปรึกษา
ที่ประชุมตัดสินว่า สมบัติอันมีค่าต่างๆ ที่พบในสถูป
ให้แยกไปตามพิพิธภัณฑ์ทั้งหลายในประเทศอินเดีย ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ
ซึ่งเป็นอัฐิและอังคารนั้น เป็นของนับถือศักดิ์สิทธิ์ของพุทธศาสนิกชน
รัฐบาลอินเดียมีความประสงค์จะทูลเกล้าฯถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้ากรุงสยาม
อันเป็นบรมกษัตริย์ ซึ่งทรงนับถือพระพุทธศาสนาอยู่พระองค์เดียวในโลก
เพื่อขอให้ทรงเป็น องค์ประธานพิจารณาพระราชทานแก่ผู้ที่สมควรจะได้รับรักษาไว้ต่อไป
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงปิติโสมนัสยิ่ง
โปรดเกล้าฯให้พระยาสุขุมนัยวินิต และ หลวงพินิจ อักษร
ออกไปรับพระบรมสารีริกธาตุ ณ ประเทศอินเดียเมื่ออัญเชิญมาถึง
แผ่นดินสยาม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรด กระหม่อมพระราชทานแก่ประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา
4 ประเทศ คือ พม่า ลังกา รัสเซีย และ ญี่ปุ่น สำหรับส่วนของประเทศสยาม
โปรดเกล้าฯให้ประกอบพระราชพิธีบรรจุที่พระเจดีย์บรมบรรพต
วัดสะเกศเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2442
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|